วันนี้ (25พ.ค.) พ.ต.อ ภคยศ ทนงศักดิ์ ผกก.สภ.ฉลอง เซ็กซี่บาคาร่า พร้อมด้วย พ.ต.ท.สนั่น จันทร์รงค์ รองผกก.สส.สภ.ฉลอง พ.ต.ต อนุรักษ์ กลางณรงค์ สว.สส.สภ.ฉลอง ร.ต.อ ปัทพงศ์ ยศเมฆ ร.ต.อ.ศุภพจน์ ละอองสกุล รองสว.สส.สภ.ฉลอง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.ฉลองคุมตัวนายจักรพันธ์ หรือป้อม ชาญยุทธ อายุประมาณ 26 ปี (ไม่ปรากฏข้อมูลทางทะเบียนราษฎร์) ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้องพักคนงานไม่มีเลขที่ ซ.บ้านกลาง ม.7 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังจากก่อเหตุใช้อาวุธมีดจี้บังคับข่มขืนเพื่อนบ้านจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.30 น. ของวันที่ 23 พ.ค.61 และคนร้ายถูกจับกุมเมื่อเวลา 00.15 น. ของวันที่ 24 พ.ค.61ที่ผ่านมา
พ.ต.อ ภคยศ ทนงศักดิ์ ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวถึงการจับกุมครั้งนี้
ว่า สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 23 พ.ค.61 พ.ต.ท.ธาดา โสดารักษ์ สว.(สอบสวน)สภ.ฉลอง ได้มี นางชวน (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี ชาวมุกดาหาร เดินทางพบเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ว่า ขณะที่ตนอยู่ที่บ้านพักคนงานไม่มีเลขที่ ซ.บ้านกลาง ม.7ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้มี นายป้อม อายุประมาณ 26 ปี ซึ่งอาศัยอยู่บ้านใกล้กันได้เดินมาที่บ้านและบอกว่า นายจิต สามีของตนนั้นซื้อสะตอมาฝาก โดยนายป้อมมีอาการเมาสุรา และมีอาการเหมือนคนเสพยาเสพติดมาด้วย เมื่อตนรับสะตอจากนายป้อม และตนนำเข้าไปเก็บในตู้เย็น ระหว่างนั้นนายป้อมได้เดินตามเข้ามาภายในบ้าน และใช้กำลังบังคับเพื่อข่มขืนตน แต่ตนไม่ยินยอมได้ถูกนายป้อมใช้อาวุธมีดทำครัวแทงทำร้ายจนมีบาดแผลถูกที่หัวนมด้านซ้าย จากนั้นนายป้อมได้ใช้กำลังข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง แล้วนายป้อมจึงได้เดินกลับห้องพัก ตนจึงได้รีบขับรถจักรยานยนต์ไปตามนายจิต สามีของตนที่ซอยโคกโตนดแล้วเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ที่สภ.ฉลอง และได้นำมีดมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
พ.ต.อ ภคยศ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ตนได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.ฉลองลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักดังกล่าวอย่างเร่งด่วน และทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทันทีขณะที่ผู้ต้องหานอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน จากนั้นควบคุมตัวมาสอบสวนที่สภ.ฉลอง จากการสอบถามผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ ว่า ได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากก่อนเกิดเหตุตนได้ดื่มสุราจนเมาจากนั้นได้เดินไปที่บ้านผู้เสียหาย เมื่อเจอผู้เสียหายเกิดอารมณ์ทางเพศจนใช้กำลังบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้งแล้วกลับห้องพัก โดยไม่ได้หลบหนีไปไหนและถูกเจ้าหน้าที่ตามจับได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ฯได้แจ้งข้อกล่าวหา “บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย, ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้อาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสภ.ฉลอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ชาวบ้าน 2 ตำบลรวมตัวคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะของเทศบาลเมืองกระบี่
วันที่ 25 พฤษภาคม 61 ที่ศูนย์ดำรงธรรมจ.กระบี่ พันจ่าเอกปัญญา หิรัญ ตัวแทน พร้อมด้วยชาวบ้าน หมู่ 1 ต.ทับปริก และ ม.1 ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ จำนวนกว่า 20 คน เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายสมปอง รัตนะ ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจ.กระบี่ เพื่อเสนอไปยัง พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ให้ช่วยเหลือในเรื่องความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่ จากปัญหามลพิษของบ่อขยะ ที่บ้านทับไม้ ม.1 ต.ไสไทย และบ้านในช่อง ม. 1 ต.ทับปริก พร้อมเอกสารหนังสือร้องเรียน
พันจ่าเอกปัญญา กล่าวว่า สืบเนื่องจากชาวบ้านใน ต.ทับปริก และ ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ ได้รับผลกระทบจากปัญหามลพิษทั้งกลิ่น น้ำเสีย สุนัขจรจัดและผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรที่เทศบาลไม่สามารถจัดการแก้ไขได้ เนื่องจากขยะมีปริมาณมากรับขยะมาจากหลายพื้นที่ ซึ่งนอกเหนือจากข้อตกลง และเป็นที่สังเกตว่า อาจเป็นข้ออ้างให้เทศบาลต้องสร้างโรงไฟฟ้าขยะขึ้นมา ซึ่งต่อมาทางเทศบาลก็ยังเดินหน้าเตรียมสร้างโรงไฟฟ้าขยะขึ้นมาอีก จึงขอเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1 ให้ย้ายบ่อขยะออกจากพื้นที่ 2.ไม่ต้องการให้สร้างโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ แต่ขอให้ไปสร้างในพื้นที่อื่นที่ไกลจากรัศมี 5 กม. จากสถานที่ราชการ ชุมชน มัสยิดกลาง จ.กระบี่ และ โรงเรียน 3.ให้ตรวจสอบการทำงานและความโปร่งใสของการบริหารจัดการของเทศบาลเมืองกระบี่ ต่อบ่อขยะดังกล่าว
สำหรับบ่อขยะของเทศบาลเมืองกระบี่ มีเนื้อที่ 250 ไร่ มีขยะที่ฝังกลบแล้วกว่า 7 แสนตัน แต่ละเข้ามาวันกว่า 170 ตัน ส่วนโรงไฟฟ้าขยะนั้น ทางเทศบาลตั้งงบประมาณการสร้างไว้จำนวน 1,000 ล้านบาท โดยให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน มีขนาดกำลังการผลิต 4.4 เมกกะวัตต์ ใช้ขยะวันละ 400 ตัน ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมการทำประชาพิจารณ์ แต่ถูกชาวบ้านคัดค้าน
ด้าน แพทย์หญิงลลิตา กองสีหา รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ ภูเก็ต กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต เบื้องต้นสามารถกลับบ้านได้ 1 ราย ส่วนอีก 3ราย ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไฟไหม้ดูแลอย่างใกล้ชิด คาดว่า ต้องดูแลไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ โดยพบว่า ผู้บาดเจ็บ 1 ราย มีบาดแผลไฟไหม้ตามร่างกาย 22 % และ อีก 1 รายมีบาดแผล 33% ทั้งหมดต้องอยู่ในความดูแลของศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด และ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตมีความยินดีที่จะดูแลนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างดีที่สุดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว เซ็กซี่บาคาร่า